การนำประสบการณ์ที่เน้นลูกค้ามาใช้ด้วย AR จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับผู้ค้าปลีกในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ และรักษาความภักดีของลูกค้า

ค่าครองชีพที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ซื้อระมัดระวังการใช้จ่ายเงินมากขึ้น และทำให้ความภักดีของลูกค้าลดลง
เนื่องจากราคาสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและบิลต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น และแรงกดดันต่องบประมาณครัวเรือนก็เพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคจำนวนมากจึงลดค่าใช้จ่ายโดยรวมสำหรับสินค้าที่ไม่จำเป็นลงจนถึงปี 2024 นักช้อปมีความอ่อนไหวต่อต้นทุนมากขึ้น ใช้เวลาค้นหาข้อเสนอที่ดีที่สุดทั้งแบบไปที่ร้านและออนไลน์มากขึ้น และให้ความสำคัญกับราคาที่ถูกกว่ามากกว่าความภักดีต่อแบรนด์
ผู้ค้าปลีกไม่สามารถพึ่งพาลูกค้าที่กลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้อีกต่อไป เนื่องจากร้านค้าของพวกเขาตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกและต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในทางกลับกัน ผู้บริโภคก็คาดหวังให้ผู้ค้าปลีกตอบสนองต่อข้อกังวลและความท้าทายของพวกเขาเช่นกัน
การรักษาความภักดีของลูกค้า
การรักษาลูกค้าประจำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ผู้ค้าปลีกต้องหาวิธีใหม่ๆ เพื่อรักษาลูกค้าไว้ นำกลยุทธ์แบบ Omnichannel มาใช้ และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ก้าวล้ำหน้าคู่แข่ง
ผู้ค้าปลีกที่ลงทุนในเทคโนโลยี AR สามารถปฏิวัติประสบการณ์การช้อปปิ้งส่วนบุคคลและปรับปรุงประสบการณ์สำหรับผู้บริโภคทั้งในร้านและออนไลน์ ในร้านค้า ผู้ซื้อสามารถใช้แอป AR บนอุปกรณ์พกพาซ้อนข้อมูลดิจิทัลบนผลิตภัณฑ์จริงได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ ราคา ความคิดเห็นของลูกค้า และตัวเลือกสีได้อย่างรวดเร็ว ผ่านประสบการณ์นี้ ผู้บริโภคสามารถทำความเข้าใจคุณลักษณะและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น ด้วย WebAR คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังเข้าถึงผู้บริโภคได้จากทุกที่ โดยไม่ต้องไปที่ร้านค้าจริง
ประสบการณ์ส่วนบุคคล
ผู้ทดสอบเสมือนจริงและเทคโนโลยี AR สำหรับการลองสวมเสมือนจริงสร้างประสบการณ์ส่วนตัวที่น่าจดจำและเน้นที่ผู้ใช้สำหรับผู้บริโภค ผู้ทดสอบเสมือนจริงมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ช่วยให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้ว่าสินค้าจะดูเป็นอย่างไรในบ้านของพวกเขาก่อนตัดสินใจซื้อ
ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ View in Room 3D ของ Wayfair บนแอปใช้ AR เพื่อซ้อนภาพดิจิทัลของผลิตภัณฑ์ลงบนบ้านของผู้ซื้อ เฟอร์นิเจอร์ดิจิทัลที่ปรับขนาดได้จริงสามารถเคลื่อนย้ายและดูได้จากหลายมุม ทำให้ผู้บริโภคคาดเดาและเข้าใจสินค้าได้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ AR ยังช่วยให้ผู้ซื้อเลือกดูสินค้าในสีและวัสดุต่างๆ ได้ แม้ว่าสินค้าเหล่านั้นจะไม่มีวางจำหน่ายในร้านจริงก็ตาม
การลองเสมือนจริง
เทคโนโลยี AR สำหรับการลองสวมเสื้อผ้าเสมือนจริงช่วยให้ผู้ซื้อสามารถจินตนาการได้ว่าเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะดูเป็นอย่างไรเมื่อสวมใส่โดยที่ไม่ต้องลองสวมจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคสามารถดูตัวอย่างสินค้าจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งยังมอบความสะดวกและประหยัดเวลาให้กับทั้งผู้ค้าปลีกและผู้ซื้ออีกด้วย ผู้ซื้อสามารถลองสวมเสื้อผ้าได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มองเห็นสินค้าได้ชัดเจนขึ้น และได้รับคำตอบสำหรับคำถามต่างๆ โดยไม่ต้องให้พนักงานขายปลีกช่วยเหลือ
แบรนด์เครื่องสำอาง L'Oréal นำเสนอบริการทดลองผลิตภัณฑ์เสมือนจริง การประเมินเฉดสีผิว และการวินิจฉัยผิวให้กับผู้บริโภค โดยผู้ซื้อสามารถทดลองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายเฉดสีได้โดยไม่ต้องลงผลิตภัณฑ์จริงบนผิว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้แรงงานมาก
การใช้เทคโนโลยี AR ช่วยให้สามารถนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำซึ่งดึงดูดความสนใจและความอยากรู้ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ การนำประสบการณ์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางด้วย AR มาใช้จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับผู้ค้าปลีกในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์และรักษาความภักดีของลูกค้า
ที่มาจาก เครือข่ายข้อมูลเชิงลึกการค้าปลีก
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้นจัดทำโดย retail-insight-network.com ซึ่งเป็นอิสระจาก Chovm.com Chovm.com ไม่รับรองหรือรับประกันคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผู้ขายและผลิตภัณฑ์