ทรงผมแบบ Blowout Fade ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชาย เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่างเทคนิคการตัดผมแบบคลาสสิกกับสไตล์โมเดิร์น ทรงผมสไตล์นี้มีความอเนกประสงค์และมีสไตล์ที่ผสมผสานอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผมทุกประเภทและสไตล์ส่วนตัวต่างๆ ในคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้ เราจะมาสำรวจต้นกำเนิด เทคนิค และรูปแบบที่กำลังเป็นกระแสของทรงผมแบบ Blowout Fade เพื่อให้คุณมีความรู้ในการตัดผมทรงนี้ได้อย่างมั่นใจ
สารบัญ
● วิวัฒนาการของการเฟดแบบโบลว์เอาท์
● ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการเฟดแบบระเบิด
● รูปแบบการเฟดแบบระเบิดที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด
● เคล็ดลับการจัดแต่งทรงผมให้เฟดแบบสมบูรณ์แบบ
● บทสรุป
วิวัฒนาการของการเฟดแบบโบลว์เอาท์
ทรงผมแบบ Blowout Fade เป็นทรงผมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการตัดผมชาย โดยทรงผมนี้ได้รับความนิยมในร้านตัดผมชายที่คึกคักของนิวยอร์กซิตี้ โดยเฉพาะในบรู๊คลิน ในช่วงทศวรรษ 1990 ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทรงผมนี้มักถูกเรียกว่า “Brooklyn Fade” หรือ “New York Fade”
ในช่วงแรก กระแสความนิยมของซีรีย์นี้มาจากชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกันและลาตินอเมริกา กระแสความนิยมดังกล่าวค่อยๆ แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วจนข้ามผ่านขอบเขตทางวัฒนธรรมไปอย่างรวดเร็ว กระแสความนิยมของซีรีย์นี้มาจากการปรากฏตัวในรายการทีวีชื่อดัง เช่น "Jersey Shore" ในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 ซึ่งซีรีย์นี้ได้กลายเป็นคุณลักษณะเฉพาะของรูปลักษณ์ของตัวละครบางตัว
ความน่าดึงดูดใจของทรงผมแบบเฟดแบบเบาว์เอาท์อยู่ที่ความสามารถในการผสมผสานเส้นสายที่คมชัดของทรงผมแบบเฟดเข้ากับปริมาตรและเนื้อสัมผัสของผมที่ยาวขึ้นด้านบน ความอเนกประสงค์นี้ทำให้ทรงผมแบบนี้สามารถพัฒนาไปจากรูปแบบเดิมได้ โดยนำเอาองค์ประกอบจากสไตล์ยอดนิยมอื่นๆ เช่น ทรงเฟดแบบชั่วคราวและทรงเฟดแบบเรียวลงมาใช้
เมื่อเทคนิคการตัดผมมีความก้าวหน้าและผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด การตัดผมแบบเฟดก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เราพบเห็นการตัดผมแบบเฟดที่แกะสลักลวดลายซับซ้อนบนบริเวณที่ตัดผมแบบเฟด หรือการใช้สีสร้างสรรค์ผสมผสานกับส่วนบนที่ยาวขึ้นได้อยู่บ่อยครั้ง
การเปลี่ยนแปลงจากร้านตัดผมในเมืองใหญ่มาเป็นกระแสหลักสะท้อนถึงเทรนด์การดูแลตัวเองของผู้ชายที่กว้างขึ้น ทรงผมนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทรงผมที่แสดงออกถึงตัวตนมากขึ้น ช่วยให้ผู้ชายแสดงบุคลิกภาพของตัวเองได้ในขณะที่ยังคงรูปลักษณ์ที่ดูดี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทรงเฟดแบบระเบิดได้กลายมาเป็นทรงผมหลักในร้านตัดผมทั่วโลก โดยช่างตัดผมพยายามขยายขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยทรงผมอเนกประสงค์นี้อย่างต่อเนื่อง ความนิยมที่คงอยู่ยาวนานเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถในการปรับตัวตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปในขณะที่ยังคงเสน่ห์หลักเอาไว้ได้ นั่นคือความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างความเฉียบขาดและความสง่างาม

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการเป่าเฟด
การตัดผมแบบ Fade ไม่ได้เป็นเพียงการตัดผมธรรมดา แต่ยังเป็นการผสมผสานระหว่างการตัดผมที่แม่นยำและการจัดแต่งทรงผมอย่างมีชั้นเชิง โดยพื้นฐานแล้วเทคนิคนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่ การตัดผมแบบ Fade และการตัดผมแบบ Fade
การตัดผมแบบเฟดหมายถึงการเปลี่ยนความยาวของผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปบริเวณด้านข้างและด้านหลังศีรษะ ซึ่งอาจเป็นตั้งแต่การตัดผมแบบเฟดต่ำ โดยเริ่มจากเหนือใบหูเล็กน้อย ไปจนถึงการตัดผมแบบเฟดสูงที่ยาวขึ้นไปถึงศีรษะ การตัดผมแบบเฟดนั้นทำขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยใช้เครื่องตัดผม โดยมักใช้การผสมผสานระหว่างหวีรองผมและเทคนิคการตัดผมด้วยมือเปล่าเพื่อให้ผมดูกลมกลืนกันอย่างลงตัว
การเป่าผมให้พองจะเน้นที่ผมด้านบนที่ยาวขึ้น ตรงจุดนี้เองที่จะช่วยเปลี่ยนผมให้ดูหนาและมีเท็กซ์เจอร์ ตามข้อมูลของ Barber Industries กระบวนการนี้โดยทั่วไปจะประกอบด้วย:
- สระผมด้วยแชมพูและครีมนวดผมเพิ่มวอลลุ่ม
- การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนเพื่อปกป้องเส้นผมจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- การใช้ไดร์เป่าผมร่วมกับแปรงกลมเพื่อสร้างวอลลุ่มและทรง
- การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เช่น โฟม แป้ง หรือสเปรย์เกลือทะเล เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสและการยึดเกาะ
กุญแจสำคัญของการตัดผมแบบเฟดให้ประสบความสำเร็จอยู่ที่ความแตกต่างระหว่างการตัดผมแบบเฟดที่เรียบร้อยและคมชัดกับการตัดผมด้านบนแบบหนาและไดนามิกมากขึ้น การวางตำแหน่งผมแบบตรงกันข้ามกันนี้จะสร้างเอฟเฟกต์ทางสายตาที่โดดเด่นซึ่งกำหนดสไตล์ของทรงผม
ควรสังเกตว่าเทคนิคการเป่าผมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของผม ตัวอย่างเช่น ผู้ชายที่มีผมหยิกหรือผมแอฟโฟรอาจใช้หวีซี่ห่างหรือหวีเสยผมแอฟโฟรเพื่อสางผมที่พันกัน แล้วจึงใช้แปรงโฟมเพื่อจัดทรงตามคำแนะนำของ UNice
การตัดผมแบบ Blowout Fade ต้องใช้ทักษะและการฝึกฝน ช่างตัดผมมืออาชีพมักใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้เทคนิคนี้จนชำนาญ โดยเรียนรู้ที่จะปรับให้เข้ากับประเภทผมและรูปหน้าที่แตกต่างกัน ความหลากหลายนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้การตัดผมแบบ Blowout Fade เป็นที่นิยม เนื่องจากสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความชอบและสไตล์ส่วนตัวที่หลากหลายได้

การตัดผมแบบเฟดแบบระเบิดที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด
ทรงผมแบบ Blowout Fade นั้นมีรูปแบบที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป โดยแต่ละแบบก็ให้ความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับสไตล์คลาสสิก ต่อไปนี้คือเทรนด์ทรงผมแบบ Blowout Fade ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด:
- ทรง Low Taper พร้อมเป่าผมให้พอง: ทรงนี้มีลักษณะเป็นทรงที่ค่อยๆ ไล่ระดับลงมาบริเวณขมับและท้ายทอย จับคู่กับลอนผมหนาๆ ด้านบน ทรงนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายที่มีผมหยิกหนาที่ต้องการอวดผิวผมตามธรรมชาติในขณะที่ยังคงรูปร่างที่ดูสะอาดสะอ้าน
- ทรงผมตัดแบบ Low Taper Fade พร้อมไฮไลท์: หรือที่เรียกกันว่า Temple Fade หรือ Brooklyn Fade ทรงผมแบบนี้จะตัดแบบตัดให้กลมกลืนกับผิวเหนือแนวผมธรรมชาติ ทำให้เกิดความแตกต่างที่สะดุดตาระหว่างด้านข้างที่ตัดกับด้านบนที่ตัดกัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่กล้าหาญสำหรับผู้ที่ต้องการแสดงออกถึงตัวตน
- ทรงผมเฟดแบบ Mid Taper Fade พร้อมไฮไลท์: การตีความทรงผมเฟดแบบไฮไลท์นี้ถือเป็นทรงผมเฟดที่เริ่มจากบริเวณที่สูงขึ้นไปบนศีรษะ โดยปกติจะอยู่ที่บริเวณกลางใบหู ทรงนี้เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่ผู้ชายที่มีผมทรงแอฟโฟร ซึ่งให้ลุคที่สมดุล เหมาะสำหรับทั้งงานลำลองและงานทางการ
- ทรงผมแบบตัดสั้นสูง: สำหรับผู้ที่ต้องการลุคที่ดูโดดเด่นขึ้น ทรงผมแบบตัดสั้นสูงจะเริ่มจากบริเวณใกล้ยอดศีรษะ ซึ่งจะทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างด้านข้างที่สั้นและด้านบนที่พองฟู ทรงผมแนวนี้เหมาะสำหรับผู้ชายที่ต้องการโดดเด่นกว่าใคร
- ทรงเฟดแบบมีเท็กซ์เจอร์: ทรงนี้เน้นที่การเพิ่มเท็กซ์เจอร์ตามธรรมชาติของผมด้านบน ไม่ว่าจะเป็นผมหยักศก หยิก หรือหยิกเป็นลอน โดยทั่วไปแล้วทรงเฟดจะดูเรียบร้อยและคมชัด ในขณะที่ทรงด้านบนจะจัดแต่งทรงเพื่อเน้นวอลลุ่มและการเคลื่อนไหว
- ทรงผมเฟดแบบไม่ต่อเนื่อง: ทรงผมแบบเฟดที่โดดเด่นนี้ จะมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างด้านข้างที่เฟดและด้านบนที่ยาวกว่า โดยแทบจะไม่มีการผสมผสานระหว่างทั้งสองเลย ทรงนี้จะสร้างลุคที่โดดเด่นสะดุดตาโดยเฉพาะกับผู้ชายที่มีผมหนาและหนาแน่น
- การไล่เฉดสีแบบไล่เฉดสีพร้อมดีไซน์: สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเอง การนำดีไซน์มาผสมผสานกับบริเวณไล่เฉดสีจะช่วยให้เกิดสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และสะดุดตา ดีไซน์เหล่านี้สามารถมีได้ตั้งแต่เส้นเรียบง่ายไปจนถึงลวดลายที่ซับซ้อน ทำให้สามารถปรับแต่งได้ไม่สิ้นสุด
ตามเทรนด์ล่าสุดที่รายงานโดย Barber Industries การตัดผมแบบ Blowout Fade ที่จับคู่กับการตัดผมแบบหยิกธรรมชาติด้านบนนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2024 เทรนด์นี้เน้นและเสริมให้ผมธรรมชาติดูดีขึ้น โดยเลิกใช้ทรงผมที่จัดแต่งมากเกินไปและหันมาใช้ทรงผมที่ดูเป็นธรรมชาติและดูแลรักษาง่ายกว่า

เคล็ดลับการจัดแต่งทรงผมให้เฟดแบบสมบูรณ์แบบ
การจะทำผมทรงเฟดให้ได้ทรงที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องอาศัยเทคนิคและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณมีทรงผมเก๋ๆ ได้:
- เริ่มต้นด้วยผมที่เปียกและสะอาด: ใช้แชมพูและครีมนวดผมเพื่อเพิ่มวอลลุ่มเพื่อสร้างพื้นฐานสำหรับทรงผมของคุณ เช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูเบาๆ เพื่อขจัดความชื้นส่วนเกินโดยไม่ทำให้ผมชี้ฟู
- ใช้สเปรย์ป้องกันความร้อน: ก่อนใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน ควรใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนคุณภาพดี ขั้นตอนสำคัญนี้จะช่วยป้องกันผมเสียและทำให้ผมของคุณดูสุขภาพดี
- แบ่งผม: แบ่งผมของคุณออกเป็นช่อๆ โดยใช้กิ๊บติดผม เทคนิคนี้ซึ่งแนะนำโดย UNice ช่วยให้จัดแต่งทรงผมได้แม่นยำยิ่งขึ้นและช่วยให้คุณไม่พลาดส่วนใดส่วนหนึ่ง
- ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม: ลงทุนซื้อไดร์เป่าผมคุณภาพดีที่มีหัวเป่าแบบกระจายลมและแปรงทรงกลม ขนาดของแปรงควรสอดคล้องกับความยาวของเส้นผม แปรงขนาดใหญ่สำหรับผมยาว แปรงขนาดเล็กสำหรับผมสั้น
- ฝึกเทคนิคการเป่าผมให้เชี่ยวชาญ เริ่มตั้งแต่โคนผมแล้วเป่าลงมาจนถึงปลายผม ใช้แปรงกลมดึงผมให้ตึงขณะที่เป่าผม โดยสร้างแรงดึงเพื่อให้ผมเรียบลื่นขึ้น เป่าลมลงมาเพื่อลดการชี้ฟูและผมชี้ฟู
- ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: ขึ้นอยู่กับประเภทผมและผลลัพธ์ที่ต้องการ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่เหมาะสม หากต้องการให้ผมดูหนาขึ้น ให้ใช้มูสเพิ่มวอลลุ่มก่อนเป่าผม หากต้องการให้ผมดูมีเนื้อสัมผัสและจัดทรง ให้ใช้โพเมด แว็กซ์ หรือดินเหนียวเล็กน้อยหลังจากเป่าผมให้แห้ง
- ปิดท้ายด้วยลมเย็น: เมื่อผมแห้งและจัดแต่งทรงแล้ว ให้ใช้ปุ่มลมเย็นบนเครื่องเป่าผมเพื่อเซ็ตทรง ซึ่งจะช่วยปิดเกล็ดผม ทำให้ผมเงางามและอยู่ทรงนานยิ่งขึ้น
- รักษาความซีดจาง: การเติมแต่งอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผมที่ซีดจางดูคมชัด ไปหาช่างตัดผมของคุณทุกๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อรักษาความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างด้านที่ซีดจางและด้านบนที่หนาขึ้น
- ทดลองกับพื้นผิว: อย่ากลัวที่จะเล่นกับพื้นผิวที่แตกต่างกัน ใช้มือหรือหวีซี่ห่างเพื่อสร้างการแยกและการเคลื่อนไหวให้กับสไตล์ของคุณ
- ปรับให้เข้ากับสภาพเส้นผมของคุณ: หากคุณมีผมหยิกหรือหยิก ควรใช้หัวกระจายลมกับไดร์เป่าผมของคุณเพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้ผมตามธรรมชาติพร้อมทั้งเพิ่มวอลลุ่มให้ผมด้วย
โปรดจำไว้ว่าการฝึกฝนเทคนิคการเป่าผมให้เรียบลื่นอาจต้องอาศัยการฝึกฝนบ้าง อดทนกับตัวเองและอย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากช่างตัดผมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเทคนิคการจัดแต่งทรงผมที่เหมาะกับประเภทผมและรูปลักษณ์ที่คุณต้องการ

สรุป
ทรงผมแบบ Blowout Fade ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยทรงผมนี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอรูปแบบต่างๆ มากมายเพื่อให้เหมาะกับรสนิยมและประเภทผมที่แตกต่างกัน เมื่อคุณเข้าใจเทคนิคเบื้องหลังทรงผมแบบ Blowout Fade ศึกษารูปแบบต่างๆ ที่เป็นที่นิยม และฝึกฝนเคล็ดลับในการจัดแต่งทรงผมและการดูแลผมที่จัดทำไว้ คุณก็จะสามารถเนรมิตทรงผมไดนามิกนี้ได้อย่างมั่นใจ
