กระแสนิยม No-Poo ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากแชมพูแบบเดิมๆ ผู้บริโภคกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม ผลิตภัณฑ์ล้างผม ผลิตภัณฑ์ล้างผม และผลิตภัณฑ์โค-วอชที่อ่อนโยนกว่า ซึ่งมีส่วนผสม เช่น น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล น้ำผึ้ง และน้ำข้าว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สัญญาว่าจะทำความสะอาดผมโดยไม่ทำให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ กระแสนิยมดังกล่าวเป็นโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ นำเสนอสูตรที่เรียบง่าย ไม่รุนแรง แต่ยังคงทำความสะอาดผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ซื้อต้องการผมและหนังศีรษะที่แข็งแรงโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพหรือความสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผ้าเช็ดผมและผงครีมนวดผมแบบแห้ง เพื่อตอบสนองความต้องการในการดูแลและความยืดหยุ่นระหว่างการสระผม ผลิตภัณฑ์ที่ยึดมั่นในแนวคิดที่เน้นสุขภาพผมเป็นอันดับแรกและความคิดสร้างสรรค์ของกระแสนิยม No-Poo จะยังคงได้รับความนิยม
สารบัญ:
1. โนปู 101
2.จากสูตรที่มีอยู่ในตู้กับข้าว
3. ลูกผสมที่ทำงานหนัก
4. นวัตกรรมแบบไม่ต้องซัก
5. คำสุดท้าย
โนปู 101

No-poo คืออะไรกันแน่? หมายถึงการไม่ใช้แชมพูเลยและหันมาใช้วิธีทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนกว่า การเคลื่อนไหวแบบ No-poo แบ่งออกเป็น 3 วิธีหลักๆ ได้แก่ No-poo, Low-poo และ Co-wash
แชมพู No-Poo แท้ ๆ คือการใช้น้ำเปล่าหรือน้ำยาทำความสะอาดแบบทำเอง เช่น น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลหรือเบกกิ้งโซดาในการสระผม แชมพูชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มคนที่ผมหยิก ซึ่งพบว่าซัลเฟตและสารเคมีในแชมพูที่รุนแรงอื่นๆ ทำให้ผมชี้ฟูและแห้งมากขึ้น ผู้ที่หลงใหลในแชมพู No-Poo เชื่อว่าน้ำมันบนหนังศีรษะจะทำความสะอาดเส้นผมตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไปโดยไม่ต้องใช้สารที่ทำลายเส้นผม
Low-poo เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบปานกลาง โดยยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบมีฟองแต่ไม่มีซัลเฟตหรือส่วนผสมที่ทำให้แห้งอื่นๆ เป้าหมายคือทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนโดยยังคงรักษาความชุ่มชื้นไว้
สุดท้ายนี้ Co-washing จะใช้ครีมนวดผมที่ทำหน้าที่เป็นสารทำความสะอาดได้ด้วย ผลิตภัณฑ์ 2-in-1 เหล่านี้ช่วยให้ผู้บริโภคไม่ต้องสระผมในขณะที่ยังสระผมอยู่ Co-washing มักจะเป็นครีมนวดผมที่มีเนื้อครีมข้นกว่าและข้นกว่า ซึ่งจะผสมและละลายสิ่งสกปรก น้ำมัน และผลิตภัณฑ์ที่สะสมเมื่อนวดลงบนหนังศีรษะ
แม้ว่าแชมพูแบบ no-poo จะได้รับความนิยมในกระแสหลักในช่วงไม่นานมานี้ แต่เทคนิคเหล่านี้ก็ถูกนำมาใช้มานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่มีผมบาง ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ความนิยมของแชมพูแบบ no-poo ก็บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การดูแลเส้นผมที่เน้นการบำรุงมากกว่าการสระผมแบบธรรมดา แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสที่จะคิดนอกกรอบแชมพูแบบเดิมๆ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดี
จากสูตรที่เก็บอยู่ในตู้กับข้าว

กระแสการไม่ใช้แชมพูได้รับแรงบันดาลใจจากตู้กับข้าวและห้องครัวในบ้าน ปัจจุบันส่วนผสมทำความสะอาดจากธรรมชาติ เช่น น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล น้ำผึ้ง และเบกกิ้งโซดา ก็ถูกนำมาใช้ในสูตรดูแลเส้นผมเช่นกัน ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนกว่าแชมพูทั่วไป ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและคราบสกปรกโดยไม่ทำให้เกิดฟองหรือซัลเฟต
น้ำยาทำความสะอาด ACV มีคุณสมบัติต่อต้านจุลินทรีย์และเพิ่มความเงางาม น้ำผึ้งให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมพร้อมกำจัดน้ำมันที่ไม่ต้องการเพื่อให้ผมรู้สึกสะอาดขึ้น และเบกกิ้งโซดาช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ขจัดสิ่งสกปรก และปลอบประโลมหนังศีรษะ แบรนด์ต่างๆ เช่น R+Co และ Gisou สร้างสูตรทั้งหมดขึ้นโดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่เป็นดาราเหล่านี้
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์พื้นฐานในครัวแล้ว แบรนด์ต่างๆ ยังมองหาผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ผ่านการทดสอบมาแล้วจากทั่วโลกที่ใช้กับเส้นผมและผิวหนังมาหลายชั่วอายุคน ตัวอย่างเช่น บริษัท Inala ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามแบบตะวันออกใช้น้ำข้าวจากอิตาลีในการล้างเครื่องสำอางสูตรพิเศษ และบรรจุภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ก็เน้นที่ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ
อย่างไรก็ตาม ยังมีพื้นที่สำหรับนวัตกรรมใหม่ๆ แทนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ อาหารเสริมสามารถบำรุงเส้นผมจากภายในด้วยวิตามินและสารอาหารที่มุ่งเป้าไปที่เส้นผมได้ ผลิตภัณฑ์นี้ให้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยรักษาสมดุลระหว่างการดูแลภายนอกและการซ่อมแซมภายใน ลูกค้ายังคงมองหาหนังศีรษะและเส้นผมที่มีสุขภาพดีขึ้น ดังนั้นนวัตกรรมที่ไม่ต้องสระผมจึงน่าจะได้รับความสนใจเช่นกัน
ลูกผสมที่ทำงานหนัก

ผลิตภัณฑ์ไฮบริดมีความจำเป็นต่อการปรับปรุงกิจวัตรประจำวันท่ามกลางกระแสการไม่ใช้แชมพู เนื่องจากผู้บริโภคสระผมน้อยลง ขั้นตอนต่างๆ จึงต้องได้รับผลลัพธ์สูงสุด ผลิตภัณฑ์โควอช 2-in-1 สำหรับทำความสะอาดและบำรุงผมจึงเป็นผู้นำในเรื่องนี้
แบรนด์ต่างๆ เช่น Arkive จำหน่ายผลิตภัณฑ์โควอชเข้มข้นโดยเฉพาะสำหรับผู้บริโภคที่ไม่ต้องการสระผมแต่ยังคงต้องการผมที่สะอาดและได้รับการบำรุง ครีม เจล น้ำมัน และบาล์มเหล่านี้จะผสมเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อทาลงบนหนังศีรษะ โดยจะละลายสิ่งสกปรกและสิ่งที่สะสมเหมือนแชมพู จากนั้นจึงเติมสารเพิ่มความชื้นเพิ่มเติมเพื่อให้ผมเรียบลื่นและชุ่มชื้นตลอดความยาวและปลายผม
สูตรนวัตกรรมบางอย่างได้ขยายขอบเขตของ "ไฮบริด" เพื่อดำเนินการต่างๆ ได้มากขึ้นในขั้นตอนเดียว เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบผงของ Oasis:skin ที่ทำความสะอาดและบำรุงผมพร้อมล้างออกเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายและใบหน้า สูตรดูแลเส้นผมแบบไฮบริดนี้และสูตรอื่นๆ ช่วยให้ขั้นตอนการดูแลตัวเองง่ายขึ้นอย่างมาก ช่วยประหยัดเวลาของผู้บริโภคในขณะที่ยังคงดูแลความต้องการทั้งหมดได้ในคราวเดียว
สำหรับแบรนด์ต่างๆ การบรรลุเป้าหมายนี้ถือเป็นการหาจุดสมดุลที่ละเอียดอ่อน ผลิตภัณฑ์ No-poo จะต้องทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอันดับแรก ดังนั้น ประสิทธิภาพจึงควรมีความสำคัญมากกว่าประโยชน์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ลูกผสมที่สร้างสรรค์ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของกิจวัตรประจำวันจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อที่มองหาความสะดวกสบาย
นวัตกรรมแบบไม่ต้องซัก

กระแส No-Poo ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์ทดแทนแชมพูเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้บริโภคยืดระยะเวลาในการสระผมออกไปได้อีกด้วย แบรนด์ต่างๆ กำลังสร้างสรรค์รูปแบบต่างๆ เช่น ผ้าเช็ดผม ทางเลือกแชมพูแห้ง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ที่ช่วยให้สระผมได้นานขึ้น
ผ้าเช็ดผมช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก น้ำมัน และผลิตภัณฑ์ตกค้างระหว่างการสระผมได้อย่างตรงจุด แบรนด์ต่างๆ เช่น Hair by Sam McKnight นำเสนอผ้าเช็ดผมที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพซึ่งมีส่วนผสมอย่างวิชฮาเซลและว่านหางจระเข้ ผ้าเช็ดผมเหล่านี้ช่วยให้ผมสดชื่นขึ้นได้ไม่ว่าจะหลังออกกำลังกายหรือก่อนออกไปเที่ยวกลางคืน
แชมพูแห้งก็ช่วยคืนความสดชื่นให้กับเส้นผมเช่นกัน แต่ใช้รูปแบบใหม่ เช่น แป้งฝุ่นหรือครีม ครีมนวดผมแห้งของ Batiste มอบความชุ่มชื้นแบบบางเบาระหว่างการสระผมโดยไม่ต้องใช้สเปรย์ฉีดผม ส่วนรูปแบบแป้งของ I Dew Care ที่มีหัวพัฟในตัวนั้นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและยุ่งวุ่นวาย
อาหารเสริมยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพผมระหว่างการสระผมด้วยการส่งสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย แบรนด์ต่างๆ เช่น Nutrafol และ The Mane Choice นำเสนอวิตามินที่เน้นบำรุงเส้นผมเพื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

นวัตกรรมที่ไม่ต้องสระผมช่วยให้ผู้บริโภคดูแลเส้นผมได้ดีขึ้นตามเงื่อนไขของตนเอง ปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการความยืดหยุ่นและการปรับแต่งกิจวัตรประจำวันแทนที่จะปฏิบัติตามระเบียบการใช้ผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้ แบรนด์ต่างๆ ควรนำเสนอโซลูชันที่ให้ผู้บริโภคควบคุมได้ โดยให้ผู้บริโภคตัดสินใจว่าจะดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดีเมื่อใดและอย่างไร
สรุป
กระแสการไม่ใช้แชมพูไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง ในฐานะผู้ค้าปลีก อย่าลืมจัดหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม น้ำยาสระผม และน้ำยาบ้วนปากที่อ่อนโยนกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ มองหาสูตรที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติซึ่งปราศจากซัลเฟตที่มีฤทธิ์รุนแรง นอกจากนี้ พิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์โควอชซึ่งครอบคลุมการทำความสะอาดและบำรุงในขั้นตอนเดียวที่มีประสิทธิภาพ และอย่าลืมผลิตภัณฑ์แบบไม่ต้องสระผมที่สะดวก เช่น ผ้าเช็ดผมสดชื่นหรือผงครีมนวดผมแบบแห้ง การให้บริการลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพผมแต่ไม่นิยมใช้แชมพูแบบดั้งเดิมถือเป็นโอกาสที่ดีในตอนนี้