แชมพูทั่วไปมีสารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรงซึ่งขจัดน้ำมันตามธรรมชาติของเส้นผม ทำให้ผมชี้ฟูและเสียหายในระยะยาว ดังนั้น ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพจำนวนมากจึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกว่าซึ่งประกอบด้วย ธรรมชาติ ส่วนผสม หลังจากการระบาดใหญ่ ผู้คนจำนวนมากได้ลองใช้วิธีอื่นๆ เช่น มาส์กแบบทำเองจากวัตถุดิบในครัว เช่น ไซเดอร์แอปเปิลและผงโซดา อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระแส 'โนพู' และผลกระทบต่อการดูแลเส้นผมในปี 2023 และในอนาคต
สารบัญ
เทรนด์ No-poo
3 แนวโน้มหลักในการดูแลเส้นผมแบบทางเลือก
สูตรสำเร็จ
เทรนด์ No-poo
ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่สะอาดและมีสุขภาพดีที่เพิ่มมากขึ้นกำลังได้รับความนิยมในตลาดหลัก ธุรกิจหลายแห่งเสนอทางเลือกในการสระผมให้กับลูกค้า และหมวดหมู่นี้มีมูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ 853 ล้านบาทในปี 2022
เทรนด์ No-poo กำลังได้รับความนิยมบน TikTok ด้วย 132.3 ผู้ใช้นับล้านคนกำลังสำรวจแฮชแท็ก #NoShampoo แม้ว่าวิธีนี้จะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในชุมชนคนผิวสีมาหลายปีแล้ว แต่การเคลื่อนไหวนี้ได้รับการส่งเสริมจากบุคคลที่ใส่ใจสุขภาพที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ธรรมชาติ ส่วนผสม.
ยิ่งไปกว่านั้น ต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้ผู้คนต้องเลือกวิธีดูแลเส้นผมที่ง่ายกว่า มีประโยชน์หลายอย่างและคุ้มต้นทุน การใช้ส่วนผสมน้อยลงเพื่อสร้างกิจวัตรการดูแลเส้นผมที่ลงตัวมากขึ้นเป็นหัวใจสำคัญของเทรนด์นี้
การเคลื่อนไหวเส้นผมแบบ No-Poo คืออะไร

การเคลื่อนไหวนี้สำรวจวิธีการทางเลือกในการทำความสะอาดเส้นผมและสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ได้ ส่วนแรกหมายถึงการไม่ใช้แชมพู ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำข้าวหรือเบกกิ้งโซดา เนื่องจากแชมพูทั่วไปมีสารเคมีรุนแรงซึ่งกัดกร่อนน้ำมันธรรมชาติของหนังศีรษะ
เช่น ซัลเฟต ซึ่งเป็นสารทั่วไป ส่วนผสม ในแชมพู ถือว่ามีพิษ เชื่อกันว่าการหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่รุนแรง เช่น ซัลเฟต เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี
แม้ว่าวิธีการไม่สระผมจะเริ่มได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียในช่วงไม่นานมานี้ แต่ก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในชุมชนคนผิวสีมาหลายทศวรรษแล้ว เนื่องจากผมหยิก ผม มีรูพรุนมากกว่าผมตรง ทำให้ล้างออกยากกว่าด้วยแชมพูจนหมด ส่งผลให้เกิดผมชี้ฟู
แนวทางที่สองภายใต้กระแสนี้ คือ การใช้แชมพูสูตร low-poo ซึ่งหมายถึงการใช้แชมพูที่ปราศจากสารเคมีซึ่งจะขจัดน้ำมันตามธรรมชาติออกจากเส้นผม และแนวทางสุดท้าย คือ การใช้โค-วอช ซึ่งหมายถึงการใช้ครีมนวดผมที่ให้ความชุ่มชื้นและทำความสะอาดเส้นผม
3 แนวโน้มหลักในการดูแลเส้นผมแบบทางเลือก
ส่วนผสมในครัวจากธรรมชาติทั้งหมด

กิจวัตรดูแลเส้นผมแบบ DIY ที่ใช้ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่เป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์ต่าง ๆ นำส่วนผสมทั่วไปที่มีอยู่ในครัวมาใส่ในสูตรผลิตภัณฑ์ของตน แบรนด์ต่าง ๆ กำลังตอบสนองต่อความต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ส่วนผสม โดยเปลี่ยนชื่อสูตรของตนเป็นน้ำยาล้างและทำความสะอาดเนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างแชมพูกับสารเคมี
ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องส่วนผสมจำนวนมากสนใจผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้เนื่องจากใช้ส่วนผสมพื้นฐานที่หาได้ในครัว ตัวอย่างเช่น แบรนด์ดังของสหรัฐฯ แห่งหนึ่งนำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลซึ่งเป็นส่วนผสมที่พบได้ทั่วไปในครัวมาใส่ในผลิตภัณฑ์ ส่วนผสมนี้ขึ้นชื่อในด้านประสิทธิภาพในการทำความสะอาดผมที่ทำให้ผมเรียบลื่นและเงางามโดยไม่ทำให้ผมสีหรือน้ำมันหลุดออก
ส่วนผสมฮีโร่อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในสูตรต่างๆ คือ น้ำผึ้ง ซึ่งนิยมนำมาใช้ น้ำยาทำความสะอาดในทำนองเดียวกัน แบรนด์ Inala ของสหรัฐฯ ก็ใช้น้ำข้าวในแชมพูเช่นกัน แบรนด์ต่างๆ ควรเริ่มใช้ส่วนผสมดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อหนังศีรษะมากขึ้น
แบรนด์ The Mane Choice จากอเมริกาใช้ไมเซลลาร์วอเตอร์ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหนังศีรษะและปรับสภาพผิว ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินอย่างอ่อนโยน นอกจากนี้ ผู้บริโภคที่ใส่ใจในการดูแลเส้นผมจะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสำคัญมากมาย
โซลูชั่นไฮบริดนวัตกรรม

นักช้อปจำนวนมากกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาที่ใช้งานได้จริงซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการดูแลเส้นผมด้วยการรวมการทำความสะอาดและบำรุงผมไว้ในขั้นตอนเดียว ผู้บริโภคจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่น Z เชื่อว่ายิ่งน้อยยิ่งดี และกำลังมองหาวิธีลดผลกระทบจากสารเคมีและสิ่งแวดล้อม
แบรนด์ต่างๆ เช่น Arkive ตระหนักถึงแนวโน้มนี้และตอบสนองด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบมัลติฟังก์ชันที่อ่อนโยน ทำความสะอาด และบำรุงหนังศีรษะโดยไม่ส่งผลกระทบต่อไมโครไบโอมของหนังศีรษะ ในทำนองเดียวกัน แบรนด์อังกฤษอย่าง Hairstory ก็จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและปรับสภาพผมแบบครบวงจรที่มาในถุงย่อยสลายได้หลายขนาด ช่วยลดขยะ
ลูกค้ากำลังมองหาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งใช้พลาสติกและน้ำน้อยลงในการผลิต เนื่องจากพวกเขามีความตระหนักมากขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมระดับโลก บริษัท Ethique ของนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ก้าวขึ้นมาเผชิญกับความท้าทายนี้ โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์โควอชและครีมนวดผมที่ผสมสูตรเป็นก้อนเพื่อจำกัดการใช้น้ำ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมบำรุง เช่น โจโจบาและเชียบัตเตอร์ ซึ่งดึงดูดใจผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น
แบรนด์ต่างๆ ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันหลากหลายนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม โดยคำนึงถึงเทรนด์ล่าสุดสำหรับโซลูชันแบบผสมผสานที่ขับเคลื่อนโดยฟังก์ชันการใช้งานและความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืน ตัวอย่างเช่น Oasis ของสิงคโปร์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบไม่ใช้น้ำซึ่งช่วยปรับสภาพเส้นผมในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายและใบหน้า ทำให้กิจวัตรการดูแลร่างกายและใบหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
กิจวัตรประจำวันแบบไม่ต้องซัก

กระแสการไม่ใช้แชมพูกำลังผลักดันความต้องการผลิตภัณฑ์สูตรไม่ต้องสระผม โดยผู้ซื้อจำนวนมากเลิกใช้แชมพูและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องสระผมแทน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาได้ แบรนด์ต่างๆ จำนวนมากกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ โซลูชั่น ที่คล้ายกับแชมพูแห้งแต่เน้นในเรื่องความยั่งยืนและส่วนผสมจากธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบไม่ต้องสระผมมีวางจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาดผมของ Sam McKnight ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ผ้าเช็ดทำความสะอาดเหล่านี้ช่วยขจัดคราบสกปรก ไขมัน และสิ่งสกปรกออกจากหนังศีรษะและเส้นผม พร้อมทั้งให้ความชุ่มชื้นด้วยว่านหางจระเข้
แชมพูแห้งไม่จำกัดอยู่แค่เพียงสเปรย์ฉีดเท่านั้น แต่ยังมีในรูปแบบโฟมและผงเพื่อตอบสนองความต้องการสมัยใหม่ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Batiste ของสหรัฐอเมริกาจำหน่ายครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออกที่ใช้เป็นโฟมโดยตรงกับผมแห้ง
บริษัทต่างๆ ต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และจัดหาผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่ใช้งานได้จริงสำหรับกลางแจ้งให้กับผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถรีเฟรชผมได้ทุกที่ ตัวอย่างเช่น บริษัท I Dew Care ของเกาหลีนำเสนอแป้งสำหรับรีเฟรชผมที่บรรจุในตลับขนาดกะทัดรัดพร้อมพัฟในตัวเพื่อให้ใช้งานง่าย
ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องเส้นผมต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทิ้งความมันบนหนังศีรษะ แบรนด์ต่างๆ ต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่บางเบา และอาจเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อใช้ร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม
สูตรสำเร็จ
แม้ว่าผู้บริโภคจำนวนมากอาจชอบวิธีดูแลเส้นผมแบบง่ายๆ แต่หลายคนอาจไม่ทราบถึงกระแสนิยมแบบ No-Poly ดังนั้น แบรนด์ต่างๆ จึงต้องเน้นย้ำถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ และใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างการรับรู้
เนื่องจากผู้ติดตามกระแสนี้ส่วนใหญ่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีสารเคมีน้อยลง จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและบำรุงผม ลองพิจารณาวิธีแบบไม่ต้องสระผม ศึกษาเทรนด์ DIY และใช้แนวทางที่ยั่งยืนเพื่อดึงดูดใจผู้ที่รักษ์สิ่งแวดล้อม
เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ผู้บริโภคจำนวนมากจึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำและมีประโยชน์หลากหลายเพื่อให้กิจวัตรประจำวันง่ายขึ้น ดังนั้น ลองพิจารณาผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่และผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับวัยซึ่งจะช่วยประหยัดเงิน
ในท้ายที่สุด เนื่องจากอุตสาหกรรมการดูแลเส้นผมกำลังเดินตามรอยเทรนด์การดูแลผิว จึงควรสำรวจสูตรต่างๆ ที่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะ และเลือกใช้สารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งให้ความสำคัญกับสุขภาพหนังศีรษะเป็นอันดับแรก